บทความ

ขนาดที่นอน วัสดุ และความนุ่มแน่นที่เหมาะสม สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อฟูกใหม่

 

ด้วยเทคโนโลยีที่นอนในปัจจุบัน ทำให้แบรนด์ต่างๆสามารถยกระดับและยืดอายุการใช้งานของเตียงออกไปได้หลายปี ดังนั้นการเลือกฟูกใหม่ ควรพิจารณาให้รอบด้าน ซึ่งปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่นอน วัสดุที่ใช้ในการผลิต รวมถึงความนุ่มที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจซื้อได้อย่างเหมาะสม เราได้รวบรวมสิ่งสำตัญที่ควรรู้มาไว้ให้แล้วในบทความนี้ 

 

ขนาดที่นอนเทียบกับห้อง

สำหรับในส่วนของพื้นที่การใช้สอยภายในห้องไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ทเม้นท์ ต่างก็มีพื้นที่และขนาดที่ไม่เท่ากัน แล้วที่ขนาดที่นอนแบบไหน เหมาะกับห้องขนาดเท่าไหร่ สามารถอ้างอิงได้ดังนี้เลย

  • ห้องขนาดเล็ก พื้นที่ไม่เกิน 8 ตารางเมตร เหมาะกับเตียง 3.5 ฟุต หรือ 107 ซม. x 203 ซม.
  • ห้องขนาดกลาง พื้นที่ไม่เกิน 12 ตารางเมตร เหมาะกับเตียง 5 ฟุต หรือ 152 ซม. x 203 ซม.
  • ห้องขนาดใหญ่ พื้นที่มากกว่า 12 ตารางเมตรขึ้นไป เหมาะกับเตียง 6 ฟุต หรือ 183 ซม. x 203 ซม.

ทั้งนี้ขนาดที่นอน จะต้องดูองค์ประกอบโดยรอบ อย่างเฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ โต๊ะ เครื่องใช้ต่างๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งปกติแล้วพื้นที่รอบเตียงจะมีความห่างประมาณ 60-90 ซม. เพื่อให้สามารถใช้งานและเดินผ่านได้อย่างสะดวกนั่นเอง

 

วัสดุของที่นอน

นอกจากขนาดที่นอนแล้ว วัสดุที่ถูกนำมาเรียงเป็นชั้นของฟูกเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมาก เพราะจะเป็นส่วนสำคัญที่บ่งบอกถึงความสบายในการนอนเลยทีเดียว ปัจจุบันมีการใช้วัสดุที่นอนอย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น สปริง เมมโมรี่โฟม และยางพารา เป็นต้น ว่าแต่วัสดุแต่ละประเภทเป็นยังไง ลองดูข้อมูลด้านล่างกันเลย

  • ที่นอนสปริงสามารถแบ่งตามประเภทได้ดังนี้
    • Bonnell – Offset Spring ต้องเกริ่นก่อนว่า Bonnell เป็นสปริงในยุคแรกๆ ที่ถูกนำมาผลิตเป็นที่นอนเลย ซึ่งข้อดีของมันคือราคาถูก แข็งแรง ทนทาน แต่จะเกิดเสียงดังเวลาถูกใช้งาน อีกทั้งยังกระจายแรงได้ไม่ดีเท่าที่ควร ก่อนจะถูกพัฒนาเป็น Offset ให้ช่วยรับน้ำหนักและแรงกดได้ดีขึ้น
    • Pocket Spring แบบที่นิยมและเห็นได้ทั่วไปในที่นอนมากที่สุดในปัจจุบัน หลักการของมันคือการบรรจุสปริงเข้าไปในถุงผ้า ซึ่งจะทำให้แต่ละตัวมีอิสระในการรองรับแรงกดทับ ข้อดีคือรองรับสรีระร่างกายได้ดี และไม่รบกวนคู่นอนข้างๆ แต่ข้อจำกัดเป็นเรื่องราคา รวมถึงน้ำหนักที่มากกว่า
    • Continuous Coil Spring สปริงที่ใช้ลวดเส้นเดียวขดกันเป็นสปริงต่อเนื่องกันทั้งที่นอน เพื่อเสริมความแข็งแรง ทนทาน แต่จะเกิดข้อจำกัดด้านเสียงและการถ่ายเทน้ำหนัก
  • ที่นอนเมมโมรี่โฟม เดิมที Memory foam ถูกพัฒนาสำหรับใช้ในเบาะของยานอวกาศ NASA ก่อนจะถูกประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมที่นอนในปัจจุบัน เจ้าเมมโมรี่โฟมมีความสามารถในการจดจำรูปร่างหรือรูปทรงที่มากดทับ และเมื่อแรงกดทับหายไปจะคืนตัวอย่างช้าๆ ซึ่งข้อดีของมันคือ
    • การกระจายน้ำหนักและลดแรงกดทับ ซึ่งจะช่วยรองรับสรีระร่างกายคนเราได้ดี
    • เงียบและไร้เสียงรบกวนเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย
    • โครงสร้างที่แน่นช่วยป้องกันไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้
    • มีความทนทาน สามารถใช้งานได้เป็นระยะเวลานาน

ทั้งนี้ดูเผินๆ เหมือนว่า ที่นอนเมมโมรี่โฟม จะมีแต่ข้อดี แต่ในขณะเดียวกัน ความแน่นของมันมาพร้อมการระบายอากาศที่ไม่ดี มีกลิ่นจากสารเคมีตั้งแต่กระบวนการผลิต รวมถึงน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก ทำให้ไม่สะดวกต่อการยกหรือเคลื่อนย้าย

  • ที่นอนยางพารา มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่น ทนทาน และการรองรับสรีระของร่างกาย อีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการนอนหลับที่สบายและปลอดภัยจากสารเคมีต่าง ๆ ซึ่งตัวยางพาราเองก็มีหลายกรรมวิธีในการผลิต ตั้งแต่ธรรมชาติ จนถึงยางพาราสังเคราะห์
    • ยางพาราธรรมชาติคือที่สุด! ไม่มีการผสมสารเคมีหรือวัตถุสังเคราะห์ มีความยืดหยุ่นสูง ทนทาน และปลอดภัยจากสารพิษ ให้ความสบายและรองรับสรีระได้ดี ป้องกันไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ แต่มีราคาสูงมากในตลาด
    • ยางพาราสังเคราะห์ ราคาประหยัดกว่า มีความทนทานสูง และยังคงมีคุณสมบัติที่ดีในการรองรับสรีระ แต่ความยืดหยุ่นและการระบายอากาศอาจไม่ดีเท่ากับยางพาราธรรมชาติ และอาจมีการปล่อยสารเคมีบางอย่าง

นอกจากนี้ยังมียางพาราผสม ซึ่งเกิดจากการนำยางพาราธรรมชาติและยางพาราสังเคราะห์มาผสมรวมกัน ทำให้ได้ที่นอนที่มีคุณสมบัติของยางพาราทั้งสองแบบ โดยมักจะมีสัดส่วนยางธรรมชาติอยู่ในช่วง 20-40% ข้อดีคือราคาถูก แต่จะให้คุณสมบัติได้ใกล้เคียงหรือไม่ดีเท่ายางพาราแท้ๆ 100% จากธรรมชาติ

 

ความนุ่มแน่นที่เหมาะสมกับขนาดที่นอน

หลังจากที่เรารู้จักวัสดุต่างๆของที่นอนแล้ว การสัมผัส (Feeling) ในการนอนจะอยู่ที่การเรียงตัวของวัสดุหรือชั้นต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับและสุขภาพของคุณ การเลือกความนุ่มแน่นที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สรีระ น้ำหนักตัว ท่านอนที่ชอบ และความชอบส่วนตัวของแต่ละคน การเลือกความนุ่มแน่นที่เหมาะสมจะช่วยให้นอนหลับสบายและลดอาการปวดเมื่อยได้

  • ความนุ่ม (Plush) เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักเบาหรือผู้ที่นอนตะแคง เพราะที่นอนนุ่มจะช่วยลดแรงกดทับที่สะโพกและไหล่
  • ความนุ่มปานกลาง (Medium Plush) เหมาะกับผู้ที่นอนหงายหรือผู้ที่นอนเปลี่ยนท่า เพราะรองรับน้ำหนักได้ดีและยังคงความนุ่มสบาย
  • ความแน่นปานกลาง (Medium Firm) เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักปานกลางถึงมาก หรือผู้ที่นอนหงาย เพราะช่วยรองรับน้ำหนักตัวและกระดูกสันหลังได้ดี
  • ความแน่น (Firm) เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักมาก หรือผู้ที่นอนคว่ำ เพราะช่วยให้ร่างกายอยู่ในท่าที่สมดุลและรองรับน้ำหนักได้อย่างเต็มที่

 

เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลที่เราได้เก็บรวบรวมมาในบทความนี้ทั้งขนาดที่นอน วัสดุ และความนุ่มแน่นแบบต่างๆ หากชื่นชอบอย่าลืมแชร์คอนเทนต์ดีๆแบบนี้ไปให้เพื่อนๆ คนที่คุณรัก ที่กำลังจะซื้อที่นอนหรือฟูก เพื่อสุขภาพการนอนที่ดี และไม่พลาดโอกาสในการเปลี่ยนที่นอนให้เหมาะสมกับร่างกายแต่ละคน

Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors